วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

การประกันชีวิตในประเภทอุตสาหกรรม คืออะไร ทำไปทำไม? (Industrail Life Insurance)

      การประกันชีวิตในประเภทอุตสาหกรรม (Industrail Life Insurance) คือการประกันชีวิตที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยแต่ละกรมธรรม์มูลค่าไม่มากนัก เพื่อป้องกันความเสี่ยงแก่พนักงาน
จำนวนเงินตั้งแต่ 10,000 บาทไปจนถึง 30,000 บาท การชำระเบี้ยประกันภัยนั้นจะกระทำเป็นรายเดือน และไม่มีการตรวจสุขภาพ เพราะมีจำนวนเงินเอาประกันภัยต่ำ ซึ่งถ้าต้องตรวจสุขภาพจะทำให้บริษัทเสียค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งแต่ละบริษัทจะมีกำหนดเงื่อนไขในเรื่องระยะการรอคอย เช่นระยะเวลา 3 เดือนหรือ 6 เดือน หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตเนื่องจากกโรคเจ็บป่วยตามธรรมชาติภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ภายในระยะเวลา180วันซึ่งนับจากวันทำสัญญาหรือต่ออายุสัญญา ทางบริษัทประกันชีวิตก็จะคืนเบี้ยประกันที่ผู้เอาประกันชำระไว้แล้วเท่านั้นโดยจะไม่จ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ เนื่องจากเป็นข้อยกเว้นในสัญญา


วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557

บริการฟรี ต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ออนไลน์


ด่วนบริการฟรี ต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ออนไลน์


                                                         >>>คลิ๊กที่นี่เลย<<<
                                                         >>>คลิ๊กที่นี่เลย<<<
                                                         >>>คลิ๊กที่นี่เลย<<<





วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

ตัวแทนประกันชีวิตที่ดี ควรจะเป็นอย่างไร ควรมีคุณสมบัติอย่างไร

     ผมได้สังเกตุเห็นตัวแทนประกันชีวิตหลายคน ประสบความสำเร็จบ้าง ไม่ประสบความสำเร็จบ้าง เกิดจากอะไร? และสาเหตุที่ทำให้คนไทยมีค่านิยมที่ติดลบกับการประกันภัยเพราะเหตุใด ?

ผมไปเจอบทความหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับในเรื่องนี้

เจอคนตัวแทนขายประกันกี่คน ๆ ก็มัวแต่จ้องเข้ามาเพื่อขายประกันหากมีโอกาส และสังเกตุคนรอบข้างว่า มักจะซื้อประกันเพราะ"ความเกรงใจ"อยู่เสมอๆ และไม่นานมานี้เอง คนที่มาเสนอขายประกันให้นั้นดันกลับกลายเป็นเพื่อนสนิทของเขาเสียเอง  ทำให้ตอนนี้เพื่อนคนที่ขายประกันเนี่ย รู้สึกว่า เพื่อน ๆ จะไม่กล้าเข้าใกล้ ใคร ๆ ก็กลัวว่าจะต้องเสียเงินเพื่อซื้อเพราะความเกรงใจ . . .
อยากถามเค้ามากเลยว่ามีความสุขดีไหมเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้ ? แต่คงถามไม่ได้
เพราะแคร์ความรู้สึกเพื่อนอยู่เหมือนกัน . . .

ก่อนอื่นเลยครับ การประกันภัยนั้นเป็นวิธีที่ เล่นกับความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงมันไม่แน่นอนอาจจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ได้ก็ตามแต่ แต่หากสังเกตุจริงๆแล้ว สมัยนี้การประกันชีวิตจะมีมูลค่าการออมทรัพย์พอๆกับการฝากเงินที่ได้"ดอกเบี้ย"ในธนาคาร ซึ่งถ้าเรานำเงินที่ไปออมมาทำประกันเราก็จะมีความคุ้มครงเพิ่มขึ้น มีแต่ได้กับได้ และไม่ขาดทุน

ตัวอย่างเช่น
จะเก็บเงินให้ลูกเรียนจบจนป.โท ต้องเตรียมเงินไว้อย่างน้อยประมาณ 5 แสนบาท มีเวลาเก็บอีก 19 ปี เอา 5 แสนหาร 19 จะต้องเก็บปีละ 26315 บาท โอเคละ อีก 19 ปีลูกจบโทแน่นอน  แต่ถ้าสมมติว่าพึ่งเก็บเงินได้แค่ 3 ปีละแล้วเสียชีวิต/ทุพลภาพ เข้าใจนะว่าเงิน 78945 มันช่วยอะไรไม่ได้เลย แค่ตั้งหลักได้นิดนึง แต่ประกันอนาคตไม่ได้นะ   นี่คือหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมเราควรทำประกันอย่างง่ายๆ และทำไมวงการประกันถึงไม่ตาย มันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ


สรุปกันเลยดีกว่า ว่าคนที่เขาทำแบบใช้ใจทำน่ะ ตัวแทนที่ดีเขามีความสุขครับไม่ใช่การเลียประจบประแจง แต่เพราะเขาอยากให้เกิดความสุขแก่ลูกค้าครับ สมมติเวลาที่ลูกค้าต้องเคลมประกันแล้วเอาเช็คไปให้เขาน่ะไปในงานทำบุญของเขาซึ่งทันไม่เกิน 7 วันแน่นอน เงินส่วนนี้ช่วยคนได้หลายๆคนนะ

แต่ถ้าคนที่ทำแค่เอายอด เอาเป้า เอาค่าคอม เขาทำได้ไม่นานหรอกครับ เพราะมันแค่เป็นครั้งคราว พอคนรอบตัวเห็นว่าคนนี้มีแต่จะเอา สุดท้ายเขาก็อยู่ไม่ได้ อีกทั้งยังทำลายความสัมพันธ์มิตรภาพของตนเองเสียอย่างนั้น   ในทุกอาชีพมันมีศาสตร์และศิลป์ของมันอยู่ครับ

โปรดอย่าเรียกผู้ที่ทำงานสุจริตเหล่านี้ว่า แมลงสาบ เลยครับ  คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่ทำงานด้วยใจก็มีมาก โปรดให้โอกาสเขา วันใดวันนึงถ้าคุณเจอตัวแทนที่ดีคุณจะรู้สีกดีครับเมื่อเกิดภัยมา


1.รับโทรศัพท์ตลอดเวลา หาตัวได้ง่าย
2.โทรเช็คกลับมาหาให้คำปรึกษาเมื่อมีเวลา
3.บริการหลังการขายดีมาก ไม่ใช่ปิดการขายแล้วจบกัน
4.ปรึกษาได้ตลอดเวลา ไม่มีนอกเวลางาน
5.ทีสำคัญ เมื่อมีปัญหาขัดแย้งกับลูกค้าต้องใช้เหตุผลเสมอ

ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกทำประกันชีวิต ตัวแทนสักคนหนึ่งเราต้องลองสืบประวัติเขากับลูกค้าเก่าๆว่ามีประวัติที่ดีหรือไม่ ประวัติบริษัทมีชื่อเสียงอย่างไร อย่าซื้อด้วยความเกรงใจครับ อาจจะเสียใจในภายหลังได้

ผมเชื่อครับถ้าวันใดวันหนึ่งที่ตัวแทนเหล่านี้ไม่ได้ทำตัวแทนประกันชีวิตแล้ว สุดท้ายคุณก็จะได้เพื่อนที่ดี เพิ่มมาอีกคนหนึ่งครับ...